วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558



นาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch)



สมาร์ทวอทช์ ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นนาฬิกาที่ทำอะไรได้มากกว่าการบอกเวลา โดยเป็นนาฬิกาที่มีกล้องถ่ายรูป สามารถตอบรับสายโทรศัพท์เรียกเข้าได้ สามารถรับส่งอีเมลล์หรือเชื่อมต่อกับSocial Networkต่าง ๆ เช่น Facebook  TwiterInstargram ได้ รวมถึงความสามารถในการลงแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมต่าง ๆ อีกมากมาย
นาฬิกาอัจฉริยะ ส่วนใหญ่ เป็นหน้าจอสัมผัส สามารถเลือกคำสั่งต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น  รับข้อความ , แจ้งเตือน SMS , ข้อความจาก Social Network  แจ้งเตือนปฏิทินงาน ได้เหมือนกับบนสมาร์ทโฟน สามารถควบคุมการเล่นเพลงบนสมาร์ทโฟนได้  และบางรุ่นสามารถ สั่งงานด้วยเสียง มีโหมดถ่ายรูปได้ด้วย แถมส่งสติ๊กเกอร์ Line ได้อีก
ซึ่งส่วนใหญ่ นาฬิกาอัจฉริยะที่ขายในตลาดไทย ทำงานร่วมกับ Android  แต่ก็มีบางแบรนด์ที่สามารถทำงานบน iOSและ android เช่น  Pebble  ,  i’m  watch และ Cookooแต่ไม่รองรับภาษาไทย และขายในต่างประเทศซะส่วนใหญ่

Smart Watch  หรือนาฬิกาอัจฉริยะ  เป็นนาฬิกาที่สามารถ ใช้งานได้หลายอย่าง เช่น โทรศัพท์ เครื่องคิดเลขแผนที่, เก็บข้อมูลการเดิน  วัดการเต้นของหัวใจ  วัดกิจกรรมการวิ่งออกกำลังกาย  รีโมทคุมเพลง ถ่ายรูปได้  และต่อไปก็จะทำอะไรได้มากกว่านี้ ซึ่งการทำงานของ Smartwatchนั้นโดยทั่วไปยังจะต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth   แต่ บางรุ่นสามารถเชื่อมต่อผ่าน NFC ได้  อย่าง Sony Smartwatch 2 เป็นต้น


              ความหมายของแอนดรอยด์ (Android)
                       
แอนดรอยด์ (Android) หมายถึง ระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์ มือถือ แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ (Tablet Computer) และเน็ตบุ๊ก (Net book) โดยทำ งานบน ลินุกซ์เคอร์เนล (Linux Kernel)  เริ่มพัฒนาโดยบริษัทแอนดรอยด์ (Android Inc.) จากนั้นบริษัทแอนดรอยด์ถูกซื้อโดยบริษัทกูเกิล (Google) และนำแอนดรอยด์ ไปพัฒนาต่อภายหลังถูกพัฒนาในนามของ Open Handset Alliance ทางกูเกิล (Google) ได้เปิดให้นักพัฒนาสามารถแก้ ไขโค้ด (Code) ต่างๆ ด้วยภาษาจาวาและควบคุมอุปกรณ์ผ่านทางชุด Java libraries ที่กูเกิล (Google) พัฒนาขึ้น

ข้อดี VS ข้อเสีย ของ Android!
ข้อดีของ Android
1. ความเข้ากันได้ระหว่างมือถือกับระบบ: ด้วยความที่เป็นOpen-Source ทำให้ค่ายมือถือสามารถหาทางออกร่วมกันในแง่ข้อกำหนดขั้นต่ำที่จะใช้Android และด้วยความที่เป็น Open-Source จึงมีคนเริ่มดัดแปลงให้ใช้กับNetbook ได้ด้วย
2. ราคา: Open-Source ไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้ แถมยังเข้ากันได้กับตัวเครื่องเนื่องจากร่วมกันผลิต ดังนั้นต้นทุนผลิตจึงต่ำ และตัวแอนดรอยด์ (ไม่รวมราคาของเครื่องที่ใช้) ถูกกว่าosของ iphone
3. เราสามารถพัฒนาเองโดยไม่ต้องส่งคืนไปให้ที่บริษัทแม่ในต่างประเทศ เหมือนเทคโนโลยีอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นระบบเปิด จึงสามารถพัฒนาได้เอง ในส่วนของซอฟต์แวร์ภายในเครื่องนั้น 90% จากต่างประเทศและอีก10% เป็นของคนไทย โดยใช้ platform android ที่สามารถพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างแทบไม่มีขีดจำกัด ตัวพัฒนาโปรแกรมใน android (SDK) นั้นสามารถโหลดมาใช้ได้ฟรีๆ และไม่ได้มีข้อจำกัดเหมือน iphoneที่เวลาโอนถ่ายข้อมูลระหว่างโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ต้องต่อสายและโอนข้อมูลผ่านituneเท่านั้น
4. หากเทียบกับ iphoneแล้ว Androidเน้นในเรื่องการใช้งานแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย สามารถตกแต่งได้ตามใจชอบมากกว่า
5. สามารถใช้งานด้วยนิ้วได้สะดวกและลื่นไหล
6. สามารถทำงานได้เร็วกว่า windows mobile เร็วพอๆกับ iphoneในมาตรฐานราคา licencesที่เท่ากัน


ข้อเสียของ Android
1. เนื่องจากเป็นน้องใหม่ในตลาด โปรแกรมที่จะใช้ได้กับระบบยังไม่เยอะ มีโปรแกรมเสริมให้เลือกน้อย การพัฒนาอาจจะล่าช้ากว่า commercial software เมื่อระบบพัฒนาถึงจุดๆหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับผู้ใช เนื่องจากผู้ใช้คงไม่ได้อัพเกรดระบบซักเท่าไหร่นัก
2. Process:เราไม่สามารถปิดProcess เองได้ ถ้าเปิดโปรแกรมอะไรขึ้นมามันจะรันอยู่อย่างนั้นตลอดซึ่งจะทำให้เครื่องช้าลงเรื่อยๆ ต้องมาลงโปรแกรม Task Manager คอยปิด Process ทำให้ยุ่งยากมากขึ้น
3. เมื่อเทียบกับ Window Mobileในแง่ความแพร่หลายของโปรแกรม, การใช้งานGPS และการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ที่เป็น Windowsแล้ว Android ยังสู้ไม่ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งการใช้งานร่วมกับภาษาไทยยังไม่รู้ว่าจะทำได้ดีขนาดไหนอีกด้วย
4. ใช้งานยากเพราะเมนูซับซ้อน ต้องทำความเข้าใจก่อน
5. ต้องต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลาจึงจะใช้ฟังก์ชันได้เต็มที่

ความหมายของสมาร์ทโฟน (Smartphone)


สมาร์ทโฟน (Smartphone) หมายถึง โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีความสามารถที่เพิ่มเติมนอกเหนือจากโทรศัพท์มือถือทั่วไป ซึ่งสมาร์ทโฟนได้ถูกมองว่าเป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่ทำงานในลักษณะของโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยสามารถเชื่อมต่อความสามารถหลักของโทรศัพท์มือถือ เข้าร่วมกับแอพพลิเคชั่นของโทรศัพท์เอง และสมาร์ทโฟนยังสามารถให้ผู้ใช้งานติดตั้งโปรแกรมเสริมสำหรับเพิ่มความสามารถของศัพท์ของตนเอง โดยรูปแบบนั้นขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มของโทรศัพท์และระบบปฏิบัติการ

10 ข้อดี ที่คุณควรมีสมาร์ทโฟน


1.ทำให้คุณดูดีมีระดับมากขึ้น : เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า เมื่อโลกก้าวหน้าไป คำว่า"วัตถุนิยม"ก็จะตามมาแบบติดตัวเป็นเงาสมาร์ทโฟนดีๆสักเครื่องจึงเปรียบเสมือนเครื่องประดับชิ้นหรู นาฬิกาเรือนงาม ที่บ่งบอกรสนิยมในตัวคุณ
2. ได้ทันโลกทันเหตุการณ์ตลอดเวลา :อุปกรณ์ที่เรียกว่าสมาร์ทโฟนนี้สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ดังนั้น แม้คุณอาจจะไม่มีเวลาดูโทรทัศน์หรือวิ่งไปซื้อหนังสือพิมพ์สักฉบับมาอ่าน คุณก็สามารถติดตามข่าวสารได้ตลอดทุกที่ทุกเวลาที่คุณต้องการ
3. เข้าถึงเครือข่ายสังคมได้อย่างง่ายดาย :แม้อาจจะหมดยุค BB ที่หลายคนก้มหน้าก้มตาแชทกันแล้ว แต่แอพลิเคชั่นต่างๆที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเช่น Facebook, Line, Twitter ก็ยังคงทำให้ผู้คนก้มหน้าก้มตากันต่อไป เพราะการติดต่อสื่อสารผ่านแอพลิเคชันเกล่านี้สามารถทำได้สะดวกและรวดเร็ว เรียกได้ว่ามีอะไรเป็นต้องโพสต์ต้องแชร์ ดังนั้นสมาร์ทโฟนจึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนขี้เหงา!
4. ไม่ต้องแบกกล้องถ่ายรูป ก็เก็บภาพความประทับใจได้! :สิ่งสำคัญที่มาควบคู่กันกับโทรศัพท์แต่ละเครื่องก็คือกล้องถ่ายรูป สมัยหลายปีก่อนแค่มีกล้องสัก 2 ล้านพิกเซลก็นับว่าเยี่ยมยอดแล้ว แต่ในปัจจุบันกล้องในสมาร์ทโฟนนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งได้ผ่านการแต่งภาพโดยแอพลิเคชันดีๆแล้ว ผลงานที่ได้อาจออกมาสวยงามเทียบเท่ากล้องราคาแพงเลยทีเดียว ที่สำคัญยังแชร์ให้เพื่อนๆดูได้อีกง่ายดายอีกด้วย
5. เปิดอ่านเอกสารโดยไม่ต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ :หากคุณรู้จักใช้งานสมาร์ทโฟนแล้ว คุณจะพบว่ามันไม่ได้มีดีแค่เอาไว้ถ่ายรูปสวยๆอัพลง Instagramหรือแชร์ข้อความโดนๆบน Facebook เท่านั้น แต่เมื่อคุณมีงานเร่งด่วน คุณสามารถเปิดไฟล์จำพวกword, excel, PDF, power point  หรืออื่นๆเพื่อแก้ไข อ่าน แม้กระทั่งส่งต่อให้เพื่อนได้อย่างง่ายดาย
6. เล่นเกมคลายเครียด :เบื่อๆเซ็งๆเมื่อไหร่ คุณก็สามารถเข้าถึงคลังเกมส์ขนาดยักษ์ที่มีเกมทุกประเภททุกแบบให้คุณได้เลือกดาวน์โหลดกันตามใจชอบ เรียกได้ว่าความสนุกมีอยู่ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ
7. เป็นสมุดบันทึกเล่มจิ๋วพกติดตัว :สำหรับคนที่ชอบเขียนไดอารี่เป็นประจำทุกวัน เดี๋ยวนี้คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องพกสมุดกับปากกาแล้วก็ได้ เพราะมีแอพลิเคชันมากมายที่ทำให้คุณสะดวกขึ้นในการเก็บบันทึกเรื่องราวต่างๆในชีวิตประจำวันทั้งรูปภาพ ข้อความที่เป็นลายมือ หรือไฟล์วิดิโอ เป็นต้น
8. ข้อมูลไม่สูญหาย แบ็คอัพได้ตลอด เปิดดูในคอมก็ได้ :คุณสามารถซิงค์ข้อมูลต่างๆที่คุณบันทึกไว้ในสมาร์ทโฟนผ่านผู้ให้บริการที่หลากหลาย เมื่อถึงเวลาคุณก็สามารถเข้าไปกู้คืนข้อมูลเหล่านั้นได้ หรือคุณอาจจะซิงค์ข้อมูลในสมาร์ทโฟนของคุณอย่างเช่นพวกรูปภาพต่างๆ แล้วเปิดดูในคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับคอมพิวเตอร์ของคุณ
9. เป็นอุปกรณ์เฉพาะตัวตามต้องการ :นอกเหนือจากการใช้งานทั่วๆไป คุณอาจเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือสุดวิเศษได้อย่างง่ายดายเช่นเป็นเครื่องดนตรีสักชิ้น หรือเป็นกระดาษกับสีเอาไว้สร้างสรรผลงานสวยๆ โดยผ่านแอพลิเคชันต่างๆ
10. เป็นเพื่อนที่ดีของคุณ ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น :สุดท้าย สมาร์ทโฟนในมือของคุณนี้จะมีประโยชน์มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองเป็นผู้กำหนดแม้สมาร์ทโฟนของคุณจะไม่ใช่รุ่นเรือธงราคาแพง แต่ถ้าหากคุณรู้จักเลือกสรรค์และใช้งานมันอย่างคุ้มค่า มันก็จะตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างครบถ้วน


ข้อดี ข้อเสียของการใช้สมาร์ทโฟน


ข้อดี
1.ใช้สื่อสารทางไกลได้
2.สามารถ ถ่ายภาพ ติดตามข่าวสาร ท่องอินเตอร์เน็ตได้สะดวกรวดเร็ว
3.ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น บางทีอาจสามารถใช้แทนคอมพิวเตอร์ได้เลย
4.พกพาสะดวก
5.สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันทีหากเกิดเหตุด่วน
6.ช่วยเตือนความจำได้
ข้อเสีย
1.ทำให้เสียอารมณ์ หากโทรศัพท์มือถือดังในช่วงที่คุณต้องการความสงบ มีสมาธิ หรือเวลาอะไรก็ตามที่คุณมีความสุข
2.อาจทำให้เกิดอาการประสาทหลอน เช่น ได้ยินเสียงโทรเข้ามาซ้ำๆ
3.ทำให้เกิดอาชญากรรมอันถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าหากโทรศัพท์ของคุณเป็นที่ต้องการของโจร
4.ทำให้อารมณ์ร้อนของคุณ มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะคุณจะใช้การโทรศัพท์ในการเผยแพร่ มากว่าจะอยู่กับตัวเองทบทวนปัญหา
5. ทำให้เป็นภาระทางการเงิน
6.ทำให้สมองของคุณฟ่อลง คุณจะพึ่งพาความจำของเครื่องโทรศัพท์แทน
7.เป็นภาระ เช่นกลัวว่าจะหาย  กลัวจะลืม ฯลฯ
8.อาจติดโทรศัพท์มือถือจนไม่ทำอย่างอื่นเลย
9.อาจโดนล่อลวงจากคนที่รู้จักกันใน social network ได้ง่าย


ความหมายของ NFC คืออะไร ใช้งานยังไง

เทคโนโลยีใหม่ที่ทุกคนน่าจะได้ยินเป็นประจำ บนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากหลายค่าย ไม่ว่าจะเป็น Samsung, LG, HTC หรือ Nokia เองก็ตาม นั่นก็คือ เทคโนโลยี NFC หรือ Near Field Communication แต่ว่าเทคโนโลยี NFC คืออะไร ใช้งานอย่างไรได้บ้าง และจะรู้ได้ยังไงว่ามือถือของเรามีเทคโนโลยีนี้หรือเปล่า วันนี้จะมาแนะนำให้ ได้รู้จักกัน

NFC คืออะไร

เทคโนโลยี NFC หรือ Near Field Communication นี้ถูกเปิดตัว และเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของการส่งข้อมูลระยะสั้น และมีความปลอดภัยสูง (ไม่เหมือนกับ Bluetooth ที่สามารถค้นหาเจอได้ในระยะไกลๆ) ซึ่งถูกนำไปใช้ในการชำระเงินค่าโดยสาร หรือชำระสินค้ากันมากในต่างประเทศ รวมถึงบางบริษัทนำเทคโนโลยี NFC นี้ ไปใช้เป็น secure keycards หรือ business cards เพื่อความรักษาความปลอดภัยต่างๆและด้วยความสามารถนี้เอง บริษัทสมาร์ตโฟนในปัจจุบันจึงได้นำเทคโนโลยี NFC นี้ไปบรรจุอยู่ในมือถือรุ่นท็อปๆ ของตนเอง นอกจากจะสามารถใช้ชำระสินค้ากับร้านค้าที่รองรับการชำระเงินผ่าน NFC แล้ว ในวงการสมาร์ทโฟนยังนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในการส่งข้อมูลมัลติมีเดียต่างๆ ด้วย เพราะว่าเป็นอุปกรณ์ที่พกพาได้สะดวก ซึ่งสำหรับมือถือ Android แล้ว เทคโนโลยีนี้จะมาพร้อมกับ Android 4.0 ICS โดยจะใช้ชื่อว่า “Android Beam”


มือถือของคุณมี NFC หรือเปล่า


ไม่ใช่ว่ามือถือทุกเครื่องจะมี NFC นะครับ แล้วมือถือของเรามีเจ้านี่หรือเปล่าล่ะ และจะมีวิธีเช็คได้อย่างไร จริงๆ  แล้วตรงนี้ต้องดูจากข้อมูลสเปคของตัวเครื่องครับ และสำหรับมือถือบางรุ่นอย่าง Samsung Galaxy S3 เมื่อถอดฝาหลังออกจะพบข้อความว่า Near Field Communication อยู่บนแบตเตอรี่



หรืออีกหนึ่งวิธี คือ ถ้าหากมือถือของคุณใช้ระบบปฏิบัติการ Android ให้เข้าไปที่เมนู Settings > Wireless & Networks จากนั้นแตะที่ More เลื่อนหน้าจอลงมาจะพบกับเมนู NFC และ Android Beam (S Beam สำหรับ Samsung) ถ้ามือถือของคุณมีเมนูนี้ ก็ยินดีด้วย แสดงว่ามือถือของคุณมีฟีเจอร์นี้แน่นอน


แชร์ข้อมูลด้วย NFC


เมื่อคุณเปิดใช้งาน NFC ในเมนู Settings แล้ว คุณจะสามารถส่งข้อมูลได้ทันทีโดยจะต้องมีเงื่อนไขดังนี้
- มือถือทั้ง 2 เครื่อง ทั้งเครื่องรับ และเครื่องส่งข้อมูล จะต้องรองรับ NFC และเปิดใช้งานแล้วทั้งคู่
- มือถือทั้ง 2 เครื่องจะต้องไม่อยู่ให้โหมด Sleep หรือล็อคอยู่
- นำมือถือทั้งสองเครื่องมาหันหลังชนกัน จากนั้นทำตามที่ระบบแนะนำ
- เมื่อเครื่องทั้งสองค้นหากันพบแล้ว คุณจะได้ยินเสียง หรือการสั่นของตัวเครื่องเพื่อให้รู้ว่า 
NFC ทำงานแล้ว
- ห้ามแยกเครื่องออกห่างกัน เมื่อเครื่องเริ่มรับ/ส่งข้อมูลกันแล้ว
- เมื่อข้อมูลถูกส่งเรียบร้อย จะมีสัญญานบอก
ในตอนนี้ เทคโนโลยี NFC บนมือถืออาจจะยังไม่สามารถส่งต่อไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ได้ แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถส่ง ไฟล์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเว็บเพจ, ข้อมูลสถานที่ของคุณ, และพวกหมายเลขโทรศัพท์ก็สามารถส่งได้อย่างไม่มีปัญหา

ใช้งาน NFC Tags

นอกจาก NFC จะสามารถแชร์ข้อมูลระหว่างมือถือทั้ง 2 เครื่องได้แล้ว คุณยังสามารถปรับแต่ง Settings ต่างๆ บนมือถือของคุณได้ง่ายๆ เพียงแค่การแตะหน้าจอ 1 ครั้งเท่านั้น เพียงแค่แตะตัวเครื่องกับ NFC Tag ดังภาพ ซึ่งจะเป็นชิปขนาดเล็กที่สามารถติดอยู่บนภาพโปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ หรืออื่นๆ ได้
คุณสามารถตั้งโปรแกรมใส่ลงใน NFC Tag ได้ เช่น ให้มือถือเปิดเว็บไซต์ที่ต้องการ, ปิดเสียงเรียกเข้าเมื่ออยู่ในโรงพยาบาล หรือห้องสมุดเพียงแค่เอามือถือไปแตะที่ tag หรือจะส่งข้อความไปยังที่ต่างๆ ตามที่ตั้งโปรแกรมไว้ได้ หรือแม้แต่ตั้งนัดหมายต่างๆ ได้ง่ายๆ เพียงแค่แตะตัวเครื่องเท่านั้น


SmartWatch2 SW2


คุณสมบัติ
หากสมาร์ทโฟนของคุณใช้ระบบแอนดรอยด์ นี่คือนาฬิกาสำหรับคุณ SmartWatch 2 เพิ่มประสบการณ์แอนดรอยด์ของคุณ และแนะนำวิธีการใหม่สุดล้ำในการใช้ชีวิตและติดต่อสื่อสาร SmartWatch 2 จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของคุณผ่านทาง Bluetooth® และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณจะสะท้อนอยู่ในนาฬิกาข้อมือของคุณ เลือกจากแอปพลิเคชันสำหรับ SmartWatch 2 มากมายที่พร้อมให้ใช้งานใน Google Play นอกจากนี้ SmartWatch 2 ยังเป็นนาฬิกาแบบสแตนด์อโลนที่ทันสมัยและน่าประทับใจด้วยคุณสมบัติภายในและตัวเลือกปรับแต่งต่างๆ ที่น่าทึ่ง
SmartWatch2 เป็นอุปกรณ์ไร้สายที่มีบางสิ่งบางอย่างสำหรับทุกๆ คน หากคุณเป็นนักติดต่อสื่อสารตัวยง คุณจะต้องชอบเทคโนโลยีเหนือระดับนี้ ถ้าคุณชอบออกไปวิ่ง คุณสามารถใช้ SmartWatchเป็นรีโมตโทรศัพท์ แม้ฝนตก คุณก็ยังไปต่อได้ SmartWatch2 เปียกฝนได้ ถ้าเป็นวันที่สดใสและมีแสงแดด SmartWatch2 มีหน้าจอที่อ่านได้ชัดในแสงจ้าอย่างน่าประทับใจ ติดตัวไปได้ทุกที่
โทรง่าย
ในขณะที่คุณกำลังใช้ชุดหูฟัง Bluetooth® ไร้สายเพื่อฟังเพลง คุณสามารถใช้ SmartWatch 2 เสมือนตัวควบคุมโทรศัพทฺ์จากระยะไกลเพื่อรับสายหรือโทรออกได้ เมื่อมีสายเข้า คุณสามารถดูจากหน้าจอ SmartWatchได้ว่าใครโทรมา กดหนึ่งครั้งเพื่อรับสายและสนทนาได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องยกหู คุณยังสามารถเรียกดูรายการโทรล่าสุดในบันทึกการโทร และใช้ SmartWatchเพื่อต่อสายได้

ระยะที่เข้าถึงได้
บนข้อมือของคุณ จะมีทั้งข้อความตัวอักษร, อีเมล, ปฏิทิน, รายการโทรศัพท์, Facebook, Twitter, gmailและอื่นๆ อีกมาก เมื่อมีข้อความหรือการแจ้งเตือนเข้ามา ให้แตะไอคอนแอปพลิเคชันเพื่ออ่าน หน้าจอสัมผัสสีหลายระดับให้คุณเรียกดูและอ่านทุกๆ การแจ้งเตือนของคุณ 


SmartWatchเพียงสัมผัสเดียว
เมื่อแกะออกจากกล่อง ให้จับคู่ SmartWatch 2 กับโทรศัพท์ NFC ของคุณ โดยนำอุปกรณ์หนึ่งไปแตะกับอีกอันหนึ่ง รวดเร็วและง่ายดาย แม้อุปกรณ์ทั้งสองจะออกจากระยะสัญญาณ Bluetooth® ระหว่างกัน เราก็เชื่อมต่อใหม่ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่สัมผัสเดียวเท่านั้น
สมรรถนะ
SmartWatch2 เป็นอุปกรณ์เสริมที่ล้ำสมัยสำหรับทุกรูปแบบชีวิต สมรรถภาพของแบตเตอรี่อันน่าทึ่ง ให้คุณใช้ได้นานถึง 4 วัน กว่าจะจำเป็นต้องชาร์จใหม่อีกครั้ง วัสดุได้รับการออกแบบมาให้ดูโดดเด่นและใช้งานได้ดีในทุกสถานการณ์ SmartWatch2 จะทำงานอยู่ตลอดเวลาและตอนที่คุณไม่ได้ตรวจสอบอัปเดตและการแจ้งเตือน เวลาจะปรากฏให้เห็นเด่นชัดเจนบนหน้าจอ

กันน้ำ กันฝุ่นและกันรอยขีดข่วน

SmartWatch2 มีระบบกันน้ำและกันฝุ่นตามมาตรฐานการป้องกัน IP57 ซึ่งหมายความว่าคุณใช้ได้ในทุกสภาพอากาศและสามารถแช่น้ำได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง* จอแสดงผล SmartWatch2 แบนเรียบและกันรอยขีดข่วน
*หลีกเลี่ยงการแช่น้ำเค็มหรือน้ำที่มีสารเคมีเจือปน ฝาครอบขั้วต่อ micro USB ต้องปิดแน่นสนิท

แอปเพื่อการใช้ชีวิต


แอปสำหรับ SmartWatch2 โดยเฉพาะสร้างจากนักพัฒนาชื่อดังทั่วโลก มีแอปเพื่อสุขภาพและฟิตเนส การเชื่อมโยงเครือข่ายโลกโซเชียล การสร้างภาพ ประสิทธิภาพและแอปความบันเทิงแสนสนุกต่างๆ เลือกแอปSmartWatchให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

 เข้ากันได้กับแอนดรอยด์

SmartWatch 2 ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่ใช้แอนดรอยด์4.0 ขึ้นไป พร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์เมื่อมีแอปพลิเคชันและอุปกรณ์ใหม่พร้อมใช้งาน สัมผัสประสบการณ์การใช้นาฬิกาข้อมือที่เหนือชั้นและตื่นเต้นกว่าใคร
แอปพลิเคชันที่มี

ที่ Google Play คุณจะได้พบกับแอปพลิเคชันมากมายที่พร้อมใช้งานสำหรับอุปกรณ์ไร้สายของ Sony มีทุกอย่างตั้งแต่เครื่องมือการผลิตไปจนถึงแอปพลิเคชันเพื่อความบันเทิง เพิ่มช่องทางการใช้งานแอนดรอยด์ของคุณและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่แอปพลิเคชันของ SmartWatchมีไว้ให้คุณอีกมาก

นาฬิกาข้อมือมีสไตล์

SmartWatch 2 ยังเป็นนาฬิกาข้อมือมีสไตล์และล้ำยุค ใช้เป็นเข็มทิศ ตัวจับเวลา นาฬิกาจับเวลาและเครื่องคิดเลขรวมถึงรีโมตโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งหน้าปัดนาฬิกาด้วยภาพพื้นหลัง ธีมwidgets และรูปแบบนาฬิกาหลากหลายสไตล์ได้ด้วย ลากแล้ววางส่วนประกอบของหน้าปัดนาฬิกาแบบต่างๆ ที่ต้องการ


Samsung Galaxy Gear

ดีไซน์

ดีไซน์เมทัลลิกคุณภาพสูงของ GALAXY Gear สวมใส่รอบข้อมือของคุณได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยการเข้าถึงที่ง่ายดาย คุณจะสามารถตรวจสอบฟีเจอร์ต่างๆ เช่น เวลา ข้อความ การควบคุมเพลง และอื่นๆ ผ่านทางหน้าจอทัชสกรีนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสบนนาฬิกาข้อมูลของคุณ มีให้เลือกหลากหลายสี คุณจึงเพลิดเพลินกับการจับคู่สีสันให้สอดรับกับสไตล์ของคุณ GALAXY Gear ที่สวยงามนี้ทำจากวัสดุสเตนเลสที่บริเวณขอบของกรอบสี่เหลี่ยม


Samsung Galaxy Gear จะพบว่า ลำโพงภายนอก (Speaker) จะอยู่ทางด้านหลังของตัวเครื่อง (ดังภาพ) ซึ่งลำโพงบน Samsung Galaxy Gear นั้นถือว่า มีเสียงที่ดัง และ ชัดเจนดี



ด้านข้างของสายนาฬิกา จะมีกล้องดิจิตอล ความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto-focus ให้ได้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งด้านล่างของบทความ รีวิว Samsung Galaxy Gear จะมีตัวอย่างภาพถ่าย ที่ได้จาก Samsung Galaxy Gear มาให้ได้ชมกัน

โทรศัพท์

โทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย คุณมักจะพลาดการรับสายเพราะคุณไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าหรือหยิบโทรศัพท์ของคุณไม่ทันใช่หรือไม่? ตอนนี้ด้วย GALAXY Gear คุณจะไม่พลาดการรับสายอีกต่อไป เพราะคุณจะสามารถรับสายและโทรออกได้จากอุปกรณ์ที่ข้อมือของคุณ

S Voice

S Voice ที่ปรับปรุงดีขึ้นรองรับคำสั่งที่เป็นคำพูดและข้อความได้อย่างรวดเร็ว GALAXY Gear ตอบสนองต่อนิ้วมือและเสียงของคุณได้ตลอดเวลา ฟังก์ชั่น S voice ทำให้ GALAXY Gear รองรับชีวิตที่วุ่นวายขณะเดินทางของคุณ โดยช่วยให้คุณสร้างตารางเวลาและตรวจสอบข้อความใหม่ได้ทันที * โทรศัพท์, รายชื่อ, ตารางเวลา, งาน, นาฬิกาปลุก, นาฬิกา, จับเวลา, โปรแกรม, ข้อความ, สภาพอากาศ, วิธีใช้

การแจ้งเตือนและ Smart Relay

การสื่อสารที่ไร้รอยต่อจาก Gear ไปยังโทรศัพท์ของคุณ สัมผัสการสื่อสารที่ไร้รอยต่อจาก Gear ไปยังโทรศัพท์ของคุณ เมื่อคุณได้รับการแจ้งเตือนที่สำคัญบน GALAXY Gear โทรศัพท์ของคุณจะแสดงข้อความโดยอัตโนมัติเมื่อคุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพลิดเพลินกับการสื่อสารที่เหนือชั้น ไม่ต้องวุ่นวายกับขั้นตอนเพิ่มเติมใดๆ

Memographer

ถ่ายภาพอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความทรงจำที่ยืนยาว คุณเคยพลาดโอกาสสำคัญขณะที่กำลังจัดเตรียมโทรศัพท์ของคุณเพื่อถ่ายรูปใช่หรือไม่? ตอนนี้ด้วย GALAXY Gear คุณจะสามารถถ่ายภาพสุดประทับใจได้อย่างฉับไวก่อนที่ช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบจะผ่านไป เพียงเพราะว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ในมือคุณ และแน่นอนว่า Gear จะช่วยให้คุณแชร์ภาพเหล่านี้ผ่านทาง SNS ได้ทันที

การบันทึกเสียง

บันทึกข้อความเสียงโดยไม่ต้องสัมผัส บอก GALAXY Gear เกี่ยวกับทุกสิ่งที่คุณต้องการจดจำ คุณไม่จำเป็นต้องเอาโทรศัพท์ของคุณออกจากกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าถือเพื่อเขียนบันทึกอีกต่อไป เพียงแค่พูดกับ Gear ของคุณเท่านั้น

 เปรียบเทียบ Sony SmartWatch 2 vs Samsung Galaxy Gear สองคู่แข่งรายใหญ่ ในตลาด SmartWatchรุ่นใด ฟังก์ชั่นการใช้งานดีกว่า ?


ความเหมือนกัน ระหว่าง  Galaxy Gear และ  Smartwatch 2
•              นาฬิกาทั้ง 2 เรือนสามารถลงแอพพลิเคชั่นได้
•              มีการแจ้งเตือน
•              กันน้ำได้ระดับหนึ่ง
•              ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต *
•              เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้ *
•              CPU แบบ Single Core
•              ไม่สามารถทำงานร่วมกับ iPhone ได้
สามารถสั่งให้ สมาร์ทโฟน ส่งเสียงดังขึ้นมาได้ ในกรณีที่หามือถือไม่เจอ (จำกัดที่ระยะ 30 เมตร)

ความต่างระหว่าง Galaxy Gear และ Smartwatch 2


ขนาดของนาฬิกา โดยรวมแล้ว Galaxy Gear จะมีขนาดใหญ่และหนากว่านาฬิกา Smartwatch2



น้ำหนัก  Galaxy Gear มีแค่รุ่นเดียว น้ำหนัก 74 กรัม ในขณะที่ Smartwatch2 จะมีสายรัด 2 แบบ  คือ ถ้าสายรัดทำด้วยซิลิคอน จะหนัก 48 กรัม และทำด้วยโลหะ จะหนัก 123 กรัม



วัสดุ  Galaxy Gear ทำจากเหล็กกล้า ( Stainless Steel ) ในขณะที่ Smartwatch2 ทำจากอลูมิเนียม


ขนาดหน้าจอ ของ  Galaxy Gear ใหญ่กว่า Smartwatch2 เล็กน้อย


ความต่างที่ชัดเจนมากๆ ของนาฬิกาอัจฉริยะ 2 รุ่นนี้คือ Galaxy Gear จะใช้ร่วมกันกับพวก Samsung Galaxy บางรุ่นเท่านั้น ที่ใช้ได้แน่นอนได้แก่ Samsung Galaxy Note 3 และ Samsung Galaxy Note 10.1 รุ่น 2014 Edition   และ  สามารถใช้กับ Galaxy S3 , Galaxy S4 , Galaxy Note ในเร็วๆนี้ ซึ้งต้องรอทาง Samsung อัพเดตเฟิร์มแวร์อีกที ส่วน Smartwatch2 สามารถใช้ได้กับ มือถือและแท็บเล็ต ที่เป็น  Android 4.0 ขึ้นไป  ได้ทุกยี่ห้อ


แม้ว่า ทั้ง 2 เรือนนี้จะเชื่อมต่อกับ มือถือผ่านทาง Bluetooth เหมือนกัน แต่ต่างกันที่ Galaxy Gear เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.0 กินไฟต่ำ ในขณะที่ Smartwatchจะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 3.0


อีกประเด็นที่สำคัญเหมือนกันคือ นาฬิกา Galaxy Gear ใช้ได้นานมากกว่า 25 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ในขณะที่  Smartwatchสามารถใช้ได้นาน 3-4 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง


Smartwatch2 กันน้ำได้มากกว่า Galaxy Gear


Smartwatch2 มี NFC เชื่อมต่อกับสมาร์มโฟนและแท็บเล็ตผ่านเทคโนโลยี NFC  ที่เรียกว่าOne Touch Technology ส่วน  Galaxy Gear ไม่มี NFC เชื่อมต่อก็เชื่อมผ่าน Bluetooth  และอีกประเด็นคือ Galaxy Gear ไม่สามารถเปลี่ยนสายข้อมือได้ ในขณะที่ Smartwatch2 สามารถเปลี่ยนสายข้อมือได้


สิ่งที่ Galaxy Gear มี แต่ Smartwatch2 ไม่มี  ได้แก่ กล้อง 1.9 ล้านพิกเซล , สามารถโทรออกได้ , สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้  ซึ่ง Smartwatchไม่สามารถทำแบบนี้ได้


ปิดท้ายด้วย CPU  ทั้งคู่ทำงานแบบ Single Core เหมือนกัน แต่ Galaxy Gear ใช้ CPU แรงกว่า Smartwatch2
Sony SmartWatch 2 ราคา        6,200     บาท
Galaxy Gear                       ราคา       9,200     บาท

อย่างไรก็ตามหากคุณสนใจนาฬิกาเหล่านี้คู่กับ สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตคุณ ก็ต้องศึกษากันก่อนว่า คุณจำเป็นต้องฟีเจอร์นาฬิกาอัจฉริยะนี้เข้ากับสมาร์ทโฟนของคุณหรือไม่ และสิ่งที่เหมือนกันอีกก็คือ นาฬิกาอัจฉริยะนี้ ยังไม่อึดเท่ากับพวกนาฬิการาคาข้อมือแพงๆ ที่ใส่ถ่านนาฬิกาก้อนเดียว ใช้ได้เป็นปีๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณได้นาฬิกาอัจฉริยะนี้ จะมีความสามารถที่มากกว่านาฬิกาทั่วไปอย่างแน่นอน


วิเคราะห์
จากการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพทำให้ปัจจุบันนี้นาฬิกาที่เมื่อก่อนเราเคยมีกันไว้เพื่อใช้แค่ดูเวลา ดูวันที่ หรือจับเวลา ได้กลายมาเป็นอุปกรณ์ที่รวบรวมเอาฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลด App, สามารถ chat, check in, postfacebook, tweet, check e-mail และคุยโทรศัพท์ได้เหมือนสมาร์ทโฟน นับเป็นสินค้าที่กำลังเข้ามาเจาะตลาดผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปิดรับข้อมูลข่าวสารโดยใช้สื่อดิจิตอลเป็นหลัก และนอกจากนี้สำหรับฟังก์ชันการใช้งานที่เหมือนกับสมาร์ทโฟน ขนาดเท่ากับนาฬิกาข้อมือปรกติ และยังสามารถช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone และ Android smartphone ผ่าน Bluetooth สามารถบอกให้เรารู้ว่ามีโทรศัพท์เรียกเข้า อีเมล์หรือ message ด้วยระบบสั่นเตือน และเราสามารถโต้ตอบกลับผ่านทางนาฬิกา โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมา ให้วุ่นวาย เป็นการออกแบบที่ใช้แนวคิด แบบ minimalist และดูทันสมัย นำแฟชั่น ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนี้ จึงเป็นที่น่าจับตามองต่อไปว่าจะเป็นที่นิยมของผู้คนในยุคดิจิตอลได้มากน้อยแค่ไหน

จุดแข็ง (Strength):
ด้วยขนาดที่กะทัดรัดเหมือนนาฬิกาข้อมือปรกติจึงทำให้ smart watch สะดวกในการพกพา และที่สำคัญคือการที่สามารถประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้มาก โดยมันสามารถทำงานได้นานกว่าหนึ่งสัปดาห์โดยไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่เลย จึงตอบโจทย์การดำเนินชีวิตของคนในยุคนี้ได้อย่างมาก เนื่องจากต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลาและบางทีการหาที่ชาร์ตแบตเตอรี่อาจจะทำได้ไม่สะดวกนัก ซึ่งปัจจุบันมีการแก้ปัญหาโดยการพก power bank ติดตัวไปไหนมาไหนด้วยคู่กับสมาร์ทโฟน แต่ถ้าหันมาใช้ smart watch เราก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มการพก power bank อีกต่อไปเพราะมันจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ และนอกจากนี้ smart watch ทำให้ผู้ใช้สามารถดัดแปลงสร้างสรรค์นาฬิกาได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ทั้งหน้าตา และประโยชน์ใช้สอย ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้ตามที่ชอบ โดยการดาวน์โหลดหน้าปัดผ่าน App โดยใช้อินเทอร์เน็ต 

จุดอ่อน (Weakness):
การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของ smart watch ยังต้องอาศัยการทำงานร่วมกับ smart phone ดังนั้นผู้ใช้งานจึงต้องมีการตรวจสอบดูว่า smart watch ที่เลือกใช้นั้นสามารถใช้ได้กับระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนรุ่นที่เราใช้อยู่หรือไม่ จึงอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ว่าผู้ใช้อยากที่จะใช้ smart watch แต่ smart watch ดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟนที่มีอยู่ จึงอาจจะล้มเลิกความคิดที่จะใช้ smart watch ไปเพราะไม่อยากเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของตัวเอง

โอกาส (Opportunity):
เนื่องจากปัจจุบันอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยีประเภทอุปกรณ์สวมใส่ (Gadget) กำลังขยายตัว และผู้บริโภคเองก็หันมาให้ความนิยมเทคโนโลยีที่มากับ Gadget ต่างๆ อย่างมาก จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ผลิตที่จะพัฒนาและทำการตลาดสำหรับ smart watch เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคให้หันมาใช้ smart watch และมีหลายยี่ห้อออกมาแข่งขันกัน เช่น Apple, Samsung, Google และ Sony กำลังจะหันมาจับตลาดด้านนี้ และทำให้ผู้บริโภคยอมรับในคุณภาพของสินค้าของตนให้ได้มากที่สุด

เนื่องจาก smart watch เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้การพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็วมากในราคาที่ถูกลง ดังนั้นเมื่อบริษัทค่ายยักษ์ใหญ่ต่างๆอย่าง Apple, Samsung, Google และ Sony หันมาจับตลาด gadget จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดอย่างรวดเร็วถ้าสินค้าของบริษัทคู่แข่งดังกล่าวพัฒนาออกมาแล้วสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากกว่า อีกทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ล้วนมีประสบการณ์ในด้านเทคโนโลยีที่ใช้บนสมาร์ทโฟนมากกว่า


จัดทำโดย
1.           นางสาวพิจิตรา  ชุมภู่               รหัสนักศึกษา 544312018
2.           นางสาวเพ็ญพร  คุ้มอิ่ม            รหัสนักศึกษา 544312019
3.           นางสาวสมฤทัย สอนศรี           รหัสนักศึกษา 544312028





บรรณานุกรม
ชุติสันต์ เกิดวิบูลย์เวช. (2556). Smart Watch นาฬิกาแห่งอนาคต –รอบรู้ไอที
        รอบโลกเทคโนโลยี[ออนไลน์]. แหล่งที่มาhttp://www.dailynews.co.th/Content/IT/
        160033/Smart+Watch+นาฬิกาแห่ง  อนาคต+-+รอบรู้ไอที+รอบโลกเทคโนโลยี
        นาฬิกาอัจฉริยะ.html. [2557, พฤศจิกายน 12]
อดิสร เตือนตรานนท์. (2556). นาฬิกาอัจฉริยะ[ออนไลน์]. แหล่งที่มา
          20130525/507296/นาฬิกาอัจฉริยะ.html. [2557, พฤศจิกายน 13]
อดิสร เตือนตรานนท์. (2556). นาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch). [ออนไลน์]. 
         แหล่งที่มา  http://y35.wikidot.com/it1-020 . [2557, พฤศจิกายน 14]
NoteIIaunt .(2556). 10 ข้อดี ที่คุณควรมีสมาร์ทโฟน[ออนไลน์]. แหล่งที่มา
           http://kjdroid.blogspot.com/2013/04/10.html. [2557, พฤศจิกายน 14]
wootipong(2555). ระบบปฏิบัติการ Android [ออนไลน์]. แหล่งที่มา
          http://bosscs55.blogspot.com/ [2557, พฤศจิกายน 14]
Samsung.(2557). Galaxy Gear SM-V700[ออนไลน์]. แหล่งที่มา
              galaxy-gear/galaxy-gear/SM-V7000ZKATHO [2557, พฤศจิกายน 15]
Sony. (2557). SmartWatch 2 SW2[ออนไลน์]. แหล่งที่มา
              -sw2/features/#active- lifestyle. [2557, พฤศจิกายน 15]